แยกระยะทางมืออาชีพ
🔹 ระยะที่ 1 — พื้นฐานโครงสร้างราคา (Price Foundation)
เป้าหมาย: เข้าใจ “พฤติกรรมราคา” อย่างเป็นระบบก่อนใช้ Indicator ใดๆ
✅ สิ่งที่ต้องศึกษา
- โครงสร้างแท่งเทียน (Candlestick Anatomy)
- ตัวแท่งเทียนแปลว่าอะไร: Body, Wick, Shadow
- ความสัมพันธ์ของแท่งต่อแท่ง เช่น Bullish / Bearish Engulfing
- การอ่านแท่งเทียนเพื่อเข้าใจ “แรงซื้อ–แรงขาย” (Order Flow เบื้องต้น)
- แนวรับ–แนวต้าน (Support & Resistance)
- วิธีวาดอย่างถูกต้องตามโครงสร้าง (ไม่ลากมั่ว)
- แนวรับ/แนวต้านที่ “ตลาดเห็นตรงกัน” (Confluence Zone)
- Trend Structure (Market Structure)
- Higher High / Higher Low → ขาขึ้น
- Lower High / Lower Low → ขาลง
- Sideway / Range → ตลาดไม่มีเทรนด์
- วิธีดูจุดเปลี่ยนเทรนด์ (Structure Break)
- Volume & Liquidity Zones
- พื้นที่ที่มีการแลกเปลี่ยนมาก = จุดที่ “Smart Money” เข้าตลาด
- ฝึกดู Volume Profile / Order Block / Imbalance
🔹 ระยะที่ 2 — เครื่องมือทางเทคนิค (Technical Tools)
เป้าหมาย: ใช้เครื่องมืออย่างมีเหตุผล ไม่ใช่แค่ตามสูตร
✅ สิ่งที่ต้องเชี่ยวชาญ
- Moving Average (MA)
- เข้าใจความต่างระหว่าง EMA, SMA
- ใช้ MA เป็น Dynamic Support / Resistance
- เทคนิค Cross-over & Confluence กับ Structure
- Momentum Indicators
- RSI → วัดแรงซื้อขาย, Divergence
- MACD → วัด Momentum และจังหวะเปลี่ยนเทรนด์
- Stochastic → ใช้ยืนยันแรงในกรอบ Sideway
- Volume-based Tools
- Volume Profile / VWAP / OBV
- วิเคราะห์ Demand & Supply
- Fibonacci Tools
- Retracement & Extension
- ใช้หาโซน Reversal / TP / Stop Loss
🔹 ระยะที่ 3 — การวิเคราะห์เชิงโครงสร้าง (Price Action & Smart Money)
เป้าหมาย: เข้าใจ “เจตนาของราคา” มากกว่าแค่เห็นสัญญาณ
✅ หัวข้อสำคัญ
- Break of Structure (BOS) และ Change of Character (ChoCh)
- จุดที่เทรนด์เปลี่ยนจากขึ้นเป็นลง หรือจากลงเป็นขึ้น
- ใช้ควบคู่กับ Volume เพื่อยืนยัน
- Order Block (OB)
- จุดที่สถาบัน (Smart Money) เข้าซื้อหรือขายก่อนราคาเคลื่อนแรง
- ใช้ร่วมกับ Liquidity Zone
- Liquidity Sweep / Stop Hunt
- ทำไมราคามัก “หลอกทะลุ” ก่อนกลับทิศ
- วิธีอ่านพฤติกรรมการเก็บสภาพคล่อง
- Fair Value Gap (FVG) / Imbalance
- ช่องว่างของราคาในจังหวะเร่งแรง
- ใช้เป็นโซน Target หรือโซนกลับตัว
🔹 ระยะที่ 4 — สร้าง “ระบบเทรดทางเทคนิค” ของตัวเอง
เป้าหมาย: ทำให้ TA กลายเป็น “ระบบที่ทำซ้ำได้” (Repeatable System)
✅ ขั้นตอนการออกแบบระบบเทรด
- Define Market Condition
- ระบบนี้ใช้กับเทรนด์แบบไหน (Trend / Range)
- Entry Criteria (สัญญาณเข้าเทรด)
- เช่น BOS + OB + Confirmation Candle
- Exit Criteria (สัญญาณออกเทรด)
- เมื่อราคาเข้า FVG / โซนต้าน / เกิด Divergence
- Stop Loss / Take Profit Rule
- SL ใต้ OB หรือใต้ Structure
- RR อย่างน้อย 1:2 หรือ 1:3
- Timeframe Alignment (Multi-Timeframe Analysis)
- ดู Trend ใหญ่ (HTF)
- หาจังหวะเข้าใน TF เล็ก (LTF)
🔹 ระยะที่ 5 — การทดสอบและปรับปรุง (Backtest & Journal)
เป้าหมาย: ตรวจสอบความเสถียรและความน่าเชื่อถือของระบบ
✅ ขั้นตอน
- Backtest ย้อนหลังอย่างน้อย 100 เทรด
- เก็บข้อมูล % ชนะ, R-multiple, Drawdown
- Forward Test (Demo)
- ทดสอบในบัญชีจำลองเพื่อดูพฤติกรรมจริง
- Trading Journal
- บันทึกทุกเทรดพร้อมเหตุผลและผลลัพธ์
- วิเคราะห์ข้อผิดพลาดและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
🔹 ระยะที่ 6 — การบริหารพอร์ตและจิตวิทยาใน Technical Trading
แม้คุณเน้น Technical แต่ต้องเข้าใจ Mindset & Risk เพราะ “ระบบดีแต่จิตไม่มั่นคง = พัง”
✅ จุดสำคัญ
- รักษา Risk ต่อเทรดให้อยู่ใน 1–2%
- ไม่ Revenge Trade
- รู้ว่า “แพ้ในบางเทรด” คือส่วนหนึ่งของระบบ
- ฝึกวินัยในการทำตามกติกา 100%
🔹 ระยะที่ 7 — การพัฒนาเป็นเทรดเดอร์สายเทคนิคมืออาชีพ
เมื่อเข้าใจทุกอย่างแล้ว คุณต้องต่อยอดเพื่อ “สร้างขอบเขตความได้เปรียบ (Edge)” ของตนเอง
✅ แนวทางต่อยอด
- ศึกษาแนว Smart Money Concept (SMC) / ICT
- ผสมผสาน Price Action กับ Volume / Market Profile
- พัฒนา Script / Indicator ของตนเองใน TradingView
- ใช้ Quantitative Analysis เบื้องต้นเพื่อวัดความน่าเชื่อถือของระบบ
📘 สรุปโครงสร้างการเรียนรู้ (Technical Roadmap)
ระยะ | หัวข้อหลัก | จุดประสงค์ |
---|---|---|
1 | Price Action พื้นฐาน | อ่านแรงตลาดจากแท่งเทียน |
2 | Technical Indicators | เสริมมุมมองทางสถิติ |
3 | Structure & Smart Money | อ่านพฤติกรรมรายใหญ่ |
4 | สร้างระบบเทรด | ทำให้ TA กลายเป็นกลยุทธ์จริง |
5 | Backtest & Journal | วัดผลความเสถียรของระบบ |
6 | Risk & Psychology | รักษาเสถียรภาพระยะยาว |
7 | Advanced Development | สร้าง Edge ของตนเอง |